ปัญหาสีซีดจาง ( Fading / Color Retention )

ลักษณะของสีซีดจางมักพบได้บ่อยที่เป็นงานสำหรับทาสีภายนอก เพราะเนื่องจากผนังภายนอกนอกนั้นโดนแสงแดดโดยตรง แสงแดดจะค่อย ๆ ทำให้ฟิล์มสีเกิดความซีดจางจากความร้อนของแสง โดยมากมักเห็นได้ชัดในสีเหลืองและสีแดง ปัญหาสีซีดจางบนผนังเป็นปัญหาที่ละเอียดอ่อนแต่ยังคงอยู่อย่างก่อเนื่อง ปัญหาสีซีดจางจะค่อย ๆ กัดกร่อนความสวยงามของตัวบ้าน สีซีดจางอาจเป็นผลมาจากหลายปัจจัย และมีผลกระทบเป็นวงกว้าง

สาเหตุของปัญหา

1. การเตรียมพื้นผิวไม่เพียงพอ รวมถึงการทำความสะอาด การรองพื้น และการใช้สีที่เหมาะสมสำหรับพื้นผิว เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อให้แน่ใจว่าสีจะยึดเกาะและลดความเสี่ยงที่จะซีดจาง

2. การใช้งานสีผิดประเภท ใช้สีสำหรับภายในมาทาผนังภายนอก สีสำหรับทาภายในส่วนใหญ่จะใช้ส่วนผสมของน้ำเป็นหลัก ถ้าใช้สีทาภายในแทนสีทาภายนอกย่อมเกิดปัญหาสีซีดจาง สีหลุดร่อนได้ง่ายกว่าสีที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ทาภายนอกโดยตรง เพราะสีทาภายนอกจะทนแดด ทนฝน ทนแสงยูวีได้มากกว่า

3.สาเหตุหลักที่ทำให้ผนังซีดลงได้อย่างรวดเร็วยิ่งในหน้าร้อนแดด ซึ่งรังสียูวีจะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมีของสี ทำให้เปลี่ยนไปเป็นสีเหลืองซีด ๆ ไม่สดใสเหมือนตอนสร้างบ้านเสร็จใหม่ ๆ นอกจากจะทำให้ผนังภายนอกซีดลงแล้ว อาจจะก่อให้เกิดฟิล์มสีหลุดร่อนอีกด้วย

4. การได้รับแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานาน โดยเฉพาะในห้องที่มีหน้าต่างบานใหญ่ หรือห้องที่หันหน้าเข้าหาแสงแดด อาจทำให้เม็ดสีแตกตัว ส่งผลใหสีซีดจางได้

5. ใช้แม่สีที่สามารถจางได้เร็ว เฉดสีที่มีความสดใส เช่น สีเหลือง สีชมพู และสีแดง ซึ่งสีไม่ทนต่อแสงยูวี

6. ใช้แม่สีปริมาณมากเกินไป ทำให้เมื่อโดนแสงแดดสีก็ซีดจางเร็วขึ้นนั่นเอง

7. เมื่อเวลาผ่านไปเฉดสีทุกสีมีแนวโน้มทีจะซีดจางลง ไม่ว่าจะเป็นผนังปูนเก่าหรือผนังปูนใหม่ เมื่อเวลาผ่านไปนาน ๆ

8. มลภาวะในอากาศ เช่น หมอกควันและการปล่อยมลพิษจากอุตสาหกรรม สามารถทำปฏิกิริยากับพื้นผิวของสีและทำให้สีซีดจางได้

9. ระดับความชื้นสูงหรือน้ำรั่วสามารถแทรกซึมเข้าไปในผนัง ส่งผลต่อความสมบูรณ์ของสีและทำให้สีซีดจาง

10. ใช้ผลิตภัณฑ์สีทาบบ้านที่ไม่มีคุณภาพ ที่อาจส่งผลต่อความต้านทานต่อการซีดจางได้อย่างมาก สีคุณภาพต่ำมักจะมีเม็ดสีน้อยกว่าและไม่มีสารเติมแต่งที่ทนต่อรังสี UV ทำให้สีซีดจางได้ง่าย

ผลที่ตามมา

อย่างที่เพื่อน ๆ ทราบกันดีแดดประเทศไทยร้อนแรงแบบสุด ๆ จะทาสีกี่รอบ ๆ สีก็ซีดลงเพราะแสงยูวีที่แสนจะรุนแรง แล้วผลจากการทาสีหลาย ๆ รอบ จะก่อให้เกิดสีที่ผนังไม่เรียบเนียน หรืออาจจะเกิดปัญหาผนังลอกร่อนตามมา และผลที่ตามมาที่ชัดเจนที่สุดคือการเสื่อมสภาพของความสวยงามของบ้าน

วิธีแก้ปัญหา

1. กำจัดสีที่หลุดล่อนออกให้หมด โดยใช้แปรงที่มีลักษณะขนแข็ง เช่น แปรงลวด ก่อนทาสีทับอีกครั้ง

2. ลักษณะของสีซีดจางนั้นบนผนังจะมีฝุ่นผงสีขาวเกาะติดอยู่ ควรล้างทำความสะอาดเศษผงออกด้วยน้ำให้หมดก่อนทาสีทับซ้ำอีกครั้ง เพื่อความเรียบเนียนและสวยงามของฟิล์มสี

3. เลือกวัสดุที่ดี ทนทาน มาใช้ในการสร้างบ้าน ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้บ้านของอยู่คงทน ยาวนานมากยิ่งขึ้น

4. การปลูกต้นไม้ หรือเพิ่มระแนงในทิศทางที่โดนแดดจัดตลอดก็สามารถช่วยลดรังสียูวีที่จะกระทบบ้านได้เช่นกัน

5. การติดตั้งมู่ลี่ ม่านบังตา หรือผ้าม่านสามารถช่วยลดแสงแดดโดยตรง และปกป้องผนังไม่ให้ซีดจาง

6. เลือกผลิตภัณฑ์สีทาบ้านที่มีคุณภาพ ที่สามารถป้องกันแสงแดด และรังสียูวีได้ดี

7. ทิ้งให้ผนังแห้ง รองพื้นด้วยน้ำยารองพื้นปูนเก่า แล้วทับหน้า ด้วยสี KEIM สำหรับภายนอก

8.ผลิตภัณฑ์สีทาบ้านที่แนะนำสำหรับทาภายนอก : KEIM สีซิลิเกต โซลดาลิท (จำนวน 2 เที่ยว) สีของ KEIM สร้างมาจากใยหินธรรมชาติ ทำให้มีความแข็งแรงทนทาน คงทนต่อสภาพอากาศได้เป็นอย่างสูงประหนึ่งหินธรรมชาติ ทำให้ฟิล์มสียากต่อเกิดการซีดจาง

9.ผลิตภัณธ์สีทาบ้านที่แนะนำสำหรับทาภายใน : KEIM สีซิลิเกต อินโนท็อป (จำนวน 2 เที่ยว) สีของ KEIM สร้างมาจากใยหินธรรมชาติ ทำให้มีความแข็งแรงทนทาน คงทนต่อสภาพอากาศได้เป็นอย่างสูงประหนึ่งหินธรรมชาติ ทำให้ฟิล์มสียากต่อเกิดการซีดจาง

10. แนะนำลูกกลิ้งทาสีของ KEIM โดยใช้ลูกกลิ้งขนสัตว์หรือไนรอน (wool/nylon) ชนิดขนยาว 11 มิล สำหรับ ลูกกลิ้ง ขนาด 9 นิ้ว และชนิดขนสั้น 6-8 มิล สำหรับ ลูกกลิ้ง ขนาด 6 นิ้ว ** ไม่แนะนำให้ใช้ลูกกลิ้ง แบบฟองน้ำ (sponge) **

Scroll to Top

แบบฟอร์มการติดต่อ

กรุณากรอกข้อมูลลงใน * ให้ครบถ้วน