ปัญหาสีเกิดเชื้อรา (Mildow)

เจ้าบ้านหลายคนมักจะมีปัญหาที่ร้ายแรงเกี่ยวกับสีที่ผนังเกิดเชื้อรา เป็นปัญหาที่ควรรับมืออย่างรวดเร็วและอย่างมีประสิทธิภาพไม่ใช่เพียงเพื่อความสวยงามของตัวบ้านเท่านั้น แต่เพื่อสุขภาพและความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยด้วยเช่นกัน เชื้อราบนผนังจะมีลักษณะ เป็นจุดสีดำ, สีเทาหรือสีน้ำตาล บนชั้นฟิล์มสีของผนัง โดยเฉพาะที่มีความเปียกชื้น

สาเหตุของปัญหา

1. ระดับความชื้นสูงในห้องสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา สปอร์ของเชื้อรามีอยู่ตามธรรมชาติในอากาศ และเมื่อรวมกับความชื้น ก็จะเจริญเติบโตได้

** สปอร์ของเชื้อรา คือ คือส่วนหนึ่งของสปอร์เชื้อรา หากสูดดมหรือสัมผัสเชื้อราก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ เช่น ระบบทางเดินหายใจ อาการแพ้ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง ตา หรือจมูก และอาการวิงเวียนศีรษะ จาม คลื่นไส้ เป็นไข้ **

2. การระบายอากาศที่ไม่เพียงพอ ในห้องสามารถกักความชื้นและป้องกันไม่ให้กระจายไปความชื้นที่ทำให้เกิดการเจริญเติบโตของเชื้อรา อาจเกิดจากการรั่วซึม การระบายอากาศไม่ดี ความชื้นสูง หรือปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับน้ำ

3.เชื้อรากินวัสดุอินทรีย์ เช่น ไม้ ผนังเบา และแม้กระทั่งสี หากมีวัสดุเหล่านี้อยู่บนผนัง ก็สามารถเป็นแหล่งอาหารของเชื้อราได้

4. การละเลยการบำรุงรักษาตามปกติและการไม่แก้ไขปัญหาน้ำรั่วหรือความชื้นอาจทำให้เชื้อราแพร่กระจายได้

5.เหตุการณ์ร้ายแรง เช่น น้ำท่วมหรือความเสียหายจากน้ำ สามารถทำให้ผนังเปียกโชก และสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับเชื้อราระบาด หากไม่ทำให้แห้งและบำบัดอย่างเหมาะสม

6. การทาสีทับบริเวณที่เคยเกิดเชื้อรามาก่อนโดยไม่ได้กำจัดเชื้อราออกก่อน การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ผิดวิธีนี้ อาจทำให้ปัญหาใหญ่เกิดขึ้นตามมา เมื่อไม่กำจัดเชื้อราออกเสียก่อน ทำให้เชื้อราที่ถูกทับถมด้วยสีใหม่กระจายตัวและกัดกินฟิล์มสีออกเป็นวงกว้าง ทำให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายอย่างมหาศาล

7. อย่างสุดท้ายคือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สีทาบ้านที่คุณภาพต่ำ ไม่ยืดหยุ่น เมื่อความชื้นทะลุเข้าผ่านไปในฟิล์มสี สีทั่วไปไม่สบายระบายความชื้นออกมาได้ ทำให้เกิดคราบเชื้อราตามมา

ผลที่ตามมา

ถ้าเราชะล่าใจ และไม่รีบดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เจ้าคราบเชื้อราตัวร้ายนี้จะกัดกินฟิล์มสีบนผนังอย่างรวดเร็ว ผลที่ตามมาที่อาจเกิดขึ้นจากการปล่อยให้คราบเชื้อราบนผนังคงลอยนวลอยู่

1. ปัญหาสุขภาพของคนในครอบครัว อาการแพ้ ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ อาการคัดจมูก การไอ จาม และผื่นที่ผิวหนัง บุคคลบางคน โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้เชื้อราหรือโรคหอบหืด อาจมีอาการรุนแรงมากขึ้นได้

2. เชื้อรามักก่อให้เกิดกลิ่นเหม็นอับและไม่พึงประสงค์ กลิ่นเหล่านี้สามารถแพร่กระจายไปทั่วพื้นที่อยู่อาศัยของคุณ ทำให้รู้สึกไม่สบายตัวและไม่น่าอยู่

3. คราบเชื้อราอาจทำให้บ้านเราดูไม่น่าอยู่ และอาจทำให้ผนังดูไม่สวยงามอีกด้วย ถึงแม้เราจะกำจัดเชื้อราแล้ว คราบก็อาจไม่สามารถกำจัดออกได้โดยง่าย ทำให้ต้องทาสีทับใหม่ เสียเวลาแถมเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกด้วย

วิธีแก้ปัญหา

1. ปรับปรุงการระบายอากาศในห้องเพื่อลดระดับความชื้นและป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อราในอนาคต ใช้เครื่องลดความชื้นหากจำเป็น

2. ใช้ส่วนผสมของน้ำและผงซักฟอกเพื่อขัดเชื้อราออกจากผนัง สำหรับเชื้อราที่ฝังแน่น น้ำยาฟอกขาว 1 ส่วนต่อน้ำ 10 ส่วนก็ใช้ได้ผล แต่ต้องแน่ใจว่าใช้ด้วยความระมัดระวังและในบริเวณที่มีการระบายอากาศดี

3. ควรสวมถุงมือยางและแว่น ป้องกันขณะทำความสะอาด ติดตั้งพัฒนาลมระบายอากาศที่มีความชื้นสูงเช่น ห้องน้ำ, ห้องครัว,และห้องซักรีด

4. ตรวจสอบบ้านของคุณเป็นประจำเพื่อดูสัญญาณของเชื้อราหรือความเสียหายจากน้ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อความชื้น

5. หลังจากทำความสะอาดและทำให้บริเวณที่ได้รับผลกระทบแห้งสนิทแล้ว ให้ทาสีผนังใหม่ด้วยสีที่มีคุณภาพสูง ความยืดหยุ่นสูง สามารถระบายความชื้นออกจากผนังได้ดี

6. ผลิตภัณฑ์สีทาบ้านที่แนะนำสำหรับทาภายนอก : KEIM สีซิลิเกต โซลดาลิท (จำนวน 2 เที่ยว) ไม่ต้องใช้สีทารองพื้น สีของ KEIM สร้างมาจากใยหินธรรมชาติ สีมีความยืดหยุ่นสูง เมื่อความชื้นซึมผ่านเข้าไปในฟิล์มสี ฟิล์มสีระบายความชื้นออกมาได้ ทำให้ไม่เกิดคราบเชื้อบนผนัง

7. ผลิตภัณธ์สีทาบ้านที่แนะนำสำหรับทาภายใน : KEIM สีซิลิเกต อินโนท็อป (จำนวน 2 เที่ยว) ไม่ต้องใช้สีทารองพื้น สีของ KEIM สร้างมาจากใยหินธรรมชาติ สีมีความยืดหยุ่นสูง เมื่อความชื้นซึมผ่านเข้าไปในฟิล์มสี ฟิล์มสีระบายความชื้นออกมาได้ ทำให้ไม่เกิดคราบเชื้อบนผนัง

8. แนะนำลูกกลิ้งทาสีของ KEIM โดยใช้ลูกกลิ้งขนสัตว์หรือไนรอน (wool/nylon) ชนิดขนยาว 11 มิล สำหรับ ลูกกลิ้ง ขนาด 9 นิ้ว และชนิดขนสั้น 6-8 มิล สำหรับ ลูกกลิ้ง ขนาด 6 นิ้ว ** ไม่แนะนำให้ใช้ลูกกลิ้ง แบบฟองน้ำ (sponge) **

Scroll to Top

แบบฟอร์มการติดต่อ

กรุณากรอกข้อมูลลงใน * ให้ครบถ้วน